20 สิ่งที่ควรทราบ iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max
หลังได้เครื่อง iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max รุ่นใหม่มาก็มีการตั้งค่าและสิ่งที่ผู้ใช้ควรทราบเนื่องจากบางฟีเจอร์ของรุ่นนี้แตกต่างจากรุ่นอื่น มาดูสรุปกันเลย
iPhone 13, iPhone 13 mini รวมถึง iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max ปรับขนาดเลนส์กล้องหลังใหม่ ส่งผลให้พื้นที่กล้องหลังมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย นั่นหมายความว่าหากนำเคสของ iPhone 12 มาใช้ ก็จะใส่ได้ไม่พอดี หรือใส่ไม่ได้เลย
iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max มีความสว่างหน้าจอสูงสุดถึง 1,000 nits มากกว่า iPhone 13 และ iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max ที่มีความสว่างหน้าจอสูงสุด 800 nits
iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max หน้าจอมีอัตราการดึงข้อมูลใหม่ (Refresh Rate) ที่ 10Hz ถึง 120Hz ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามรูปแบบการใช้งานด้านกราฟิกหรือเนื้อหาที่ผู้ใช้เปิด
เช่น หากผู้ใช้เลื่อนดูข่าว บทความ หน้าจอก็จะปรับ Refresh Rate ไม่ได้สูงมากเพื่อไม่ให้ใช้แบตมากจนเกินไป และถ้าผู้ใช้เปิดเนื้อหาหนัก ๆ เช่น ดูหนัง เล่นเกม ก็จะปรับ Refresh Rate ให้สูงเพื่อให้หน้าจอแสดงผลได้อย่างลื่นไหล
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้ใช้ iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max ไม่สามารถเลือก Refresh Rate ของหน้าจอได้ แต่ก็สามารถจำกัดหรือล็อก Refresh Rate ไว้ที่ 60Hz ได้
เมื่อผู้ใช้เลื่อนเปิด “จำกัดอัตราเฟรม” จะทำให้ Refresh Rate ถูกล็อกไว้สูงสุดที่ 60Hz เหตุผลเพราะว่าผู้ใช้บางคนอาจมีข้อจำกัดเรื่องการเคลื่อนไหวที่เร็วจนเกินไป หากไม่สะดวกใช้ Refresh Rate สูง ๆ ที่ทำให้การเคลื่อนไหวลื่นมาก ๆ ก็สามารถมาจำกัดสูงสุดไว้ที่ 60Hz เหมือน iPhone รุ่นก่อนหน้าได้
iPhone 13, iPhone 13 mini, iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max ใช้ชิป A15 Bionic เหมือนกัน แต่จำนวน core ของ GPU ต่างกัน โดย iPhone 13, iPhone 13 mini มี GPU 4-core ส่วน iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max มี GPU 5-core
GPU 5-core ช่วยให้การประมวลผลและแสดงผลด้านกราฟิกของ iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max มีประสิทธิภาพสูงมาก และการที่ใส่ GPU มากกว่า iPhone 13 ก็เพราะเรื่องจอ Refresh Rate 120Hz ด้วย
iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max รองรับบันทึกวิดีโอ HDR 60fps แบบ 10bit วิดีโอที่บันทึกมาจะมีความคมชัด สว่าง สวยงาม แต่ถ้านำวิดีโอนี้ส่งผ่านแอปต่าง ๆ เช่น LINE สีของวิดีโอจะเพี้ยนทันที
เหตุผลเพราะว่าแอปต่าง ๆ ยังไม่รองรับการส่งวิดีโอแบบ HDR ของ iPhone รุ่นใหม่ จึงต้องรอให้ทางผู้ให้บริการแอปพัฒนาเพิ่มเติมก่อน ส่วนใครที่ต้องส่งวิดีโอแบบ HDR ผ่านแอปต่าง ๆ แนะนำว่าให้ปิดการตั้งค่าวิดีโอ HDR ไปก่อน
iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max ปรับปรุงกล้อง Ultra-Wide ใหม่ เมื่อนำกล้องไปใกล้วัตถุราว ๆ 2 ซม. กล้องก็จะปรับไปเป็นโหมดภาพถ่าย Macro แบบใกล้โดยอัตโนมัติ
ฟีเจอร์นี้รองรับทั้งการถ่ายภาพนิ่งและการบันทึกวิดีโอด้วย ทั้งการบันทึกวิดีโอแบบปกติ, Slo-mo, Timelapse ด้วยเช่นกัน
ณ ตอนนี้ ฟีเจอร์ถ่าย Macro ของ iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max ยังไม่รองรับฟีเจอร์กล้องในแอปต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram ผู้ใช้ยังไม่สามารถใช้ Macro ในการทำ Facebook Live ได้ เป็นต้น ซึ่งยังไม่แน่นอนว่าแอปเหล่านี้จะอัปเดตให้รองรับ Macro ใน iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max หรือไม่
ตอนที่เราใช้กล้อง iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max ถ่ายภาพแบบใกล้ ๆ, ตัวกล้องก็จะปรับไปเป็น Macro อัตโนมัติ ซึ่งในบางกรณีผู้ใช้อยากถ่ายใกล้ แต่ไม่อยากให้เป็น Macro โดยใน iOS 15, iOS 15.0.1 ตอนนี้ ผู้ใช้ยังปิดฟังก์ชัน Macro อัตโนมัติไม่ได้
ใน iOS 15.1 (ยังเป็นเวอร์ชัน Beta ณ วันที่ลงข้อมูลนี้) Apple ได้ใส่ฟีเจอร์ Macro อัตโนมัติ (ออโต้มาโคร) มาแล้ว ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้กล้องเปิด Macro อัตโนมัติหรือไม่ตอนนำกล้องไปจ่อใกล้ ๆ วัตถุ
iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max มีฟีเจอร์บันทึกวิดีโอแบบ ProRes, บันทึกวิดีโอสีสันความแม่นยำสูง สามารถนำวิดีโอที่ได้ไปปรับแต่งด้วยแอปต่าง ๆ เช่น Final Cut Pro ได้อย่างละเอียด ซึ่งวิดีโอ ProRes รองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
ใน iOS 15.1 (ยังเป็นเวอร์ชัน Beta ณ วันที่ลงข้อมูลนี้) Apple ได้ใส่ฟีเจอร์วิดีโอ ProRes มาด้วยเช่นกัน ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเปิดใช้วิดีโอ ProRes ได้ และแตะเพื่อเปิดใช้ในแอปกล้องได้เลย
iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max ปรับปรุงเลนส์กล้องหลังใหม่ทั้ง 3 ตัว โดยกล้อง Ultra-Wide ปรับรูรับแสงให้กว้างขึ้น รับแสงได้มากขึ้น 92% เซ็นเซอร์เร็วขึ้น ใช้ Auto Focus ใหม่ด้วย, กล้อง Wide รับแสงได้มากขึ้นสูงสุด 2.2 เท่า และกล้อง Telephoto แบบ 77 มม. เข้าใกล้บุคคลและวัตถุได้มากขึ้นด้วย
iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max ปรับปรุงกล้อง Telephoto รองรับการซูมแบบออปติคัลถึง 3 เท่า ซึ่งใน iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max ซูมได้ 2 เท่า ช่วยให้ iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max สามารถถ่ายภาพ Portrait ระยะใกล้สุดได้ถึง 3 เท่า
ประกอบกับการรองรับ Night Mode ก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพ Portrait แบบ Night Mode ในระยะใกล้ได้ด้วย
iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max มีโหมดบันทึกวิดีโอภาพยนตร์ ที่ผู้ใช้สามารถแตะเลือกโฟกัสบุคคลหรือสิ่งของในระหว่างบันทึกวิดีโอได้
แต่ถ้าเราบันทึกวิดีโอมาแล้ว และอยากปรับเปลี่ยนโฟกัสใหม่สามารถทำได้โดยแก้ไขวิดีโอในแอปรูปภาพได้เลยนอกจากนั้นผู้ใช้สามารถปิดโหมดวิดีโอภาพยนตร์ ของวิดีโอได้ เพื่อให้วิดีโอนั้นกลายเป็นวิดีโอแบบธรรมดา
เช่น หากเราเลือกโทนสีสดใส ภาพถ่ายที่เราถ่ายทุกภาพหลังจากนั้นก็จะถูกปรับเป็นโทนสีสดใสทั้งหมด เหมาะกับการตั้งสไตล์ตามสถานที่ โทน หรือรูปแบบภาพถ่ายที่เราอยากให้ภาพออกมาเหมือน ๆ กัน
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ผู้เขียนพบเจอเองคือลำโพงภายนอกของ iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max ดึงขึ้น เสียงดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยถ้าเปิดแบบแนวนอนจะเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจน
iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max เป็น iPhone รุ่นเดียวในตอนนี้ที่มีความจุให้เลือกสูงสุดที่ 1TB โดย iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max มีความจุให้เลือก คือ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB
iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max ยังให้ RAM มาเท่ากับรุ่นก่อนหน้า คือ 6GB แต่ด้วยชิป A15 Bionic ที่เป็นรุ่นใหม่กว่า ก็ทำให้ iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า ถึงแม้จะมี RAM เท่ากันก็ตาม
Apple ไม่ได้ระบุความจุแบตไว้ที่ข้อมูลสเปกสินค้า แต่ก็มีการชำแหละเครื่องออกมาแล้วพบข้อมูลยืนยันว่า iPhone 13 เพิ่มขนาดความจุแบตมากกว่า iPhone 12 ในทุกรุ่น
ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราควรทราบเกี่ยวกับ iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max เท่านั้น ยังมีสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายให้เราได้ค้นพบในรุ่นใหม่นี้ หากเราพบอะไรที่น่าสนใจก็จะนำมารายงานให้ทราบกันอย่างแน่นอน
Post a Comment