10 โหมดกล้อง สำหรับมือใหม่ ควรใช้โหมดไหนถ่ายภาพ และการตั้งค่าให้ถูกต้อง

10 โหมดกล้อง สำหรับมือใหม่ วิธีการใช้แต่ละโหมดให้ถูกต้อง และวิธีการตั้งค่าง่าย ๆ เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องแรกที่ต้องการคำตอบ ความสับสนคือโหมดไหนใช้ทำอะไรได้บ้าง แล้วเราควรจะใช้มันตอนไหนกันแน่ เพราะแต่ละโหมดกล้องก็ดูเหมือนน่ากลัวไปหมด กลัวถ่ายภาพไม่สวย ไม่ค่อยเชื่อใจความอัตโนมัติของกล้องก็มี ในวันนี้เรามาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ในเรื่องของโหมดกล้องที่ควรรู้ครับ

โหมดนี้แทบจะไม่ต้องอธิบายก็เข้าใจกันได้ โหมด Auto เป็นโหมดกล้องที่จะทำให้ทุกคนในโลกใบนี้สามารถถ่ายภาพได้เลย เพราะการคำนวณทุกอย่างกล้องคิดให้ ซึ่งหลายคนมักจะคิดว่าโหมดนี้ถ่ายภาพได้ออกมางั้น ๆ แต่แท้จริงแล้วปัจจุบันเทคโนโลยีถูกพัฒนามาไกลมาก และเก็บปัญหารายละเอียดมาพัฒนาเพื่อให้ Auto Mode นั้นมีประสิทธิภาพที่สุด ดังนั้นโหมด Auto ไม่ได้ด้อยอย่างที่เราคิด ยิ่งทุกวันนี้เราบอกว่ากล้องโทรศัพท์ดีมากก็เปรียบได้ว่ากล้องดิจิตอลในโหมดกล้องออโตยุคนี้ก็มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่เราคิดอีก

เรียกว่าได้หมด เพียงแต่ว่าเราจะได้ภาพแบบมาตรฐานของตัวกล้องที่คิดให้ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังตั้งค่าโหมดอื่นไม่เก่ง หรือยังไม่รู้จักวิธีคิดของกล้องในโหมดอื่นเลย โหมดนี้จะทำให้คนเล่นระดับเริ่มต้นจริง ๆ อุ่นใจว่ายังมีโหมดที่ช่วยให้เขาถ่ายภาพได้ดี แม้จะยังไม่ดีที่สุดก็ตาม

โหมดกล้อง P หรือโหมดถ่ายภาพ Program เป็นอีกโหมดที่มีการทำงานคล้ายกับ Auto มาก กล้องจะคิดทุกอย่างให้แต่จะอนุญาตให้เราตั้งค่าบางอย่างได้ตามใจ เช่น ISO (ค่าความไวแสง), White Balance (แสงสุมดุลสีขาว), ค่าชดเชยแสง หรือแม้แต่โปรไฟล์สีของการถ่ายภาพ (Picture Style)

เหมือนกับโหมด Auto ทุกอย่าง เพียงแต่ค่าที่เราปรับแต่งเพิ่มจะส่งผลต่อภาพที่ออกมาด้วย เป็นโหมดที่ควรฝึกใช้เพื่อเรียนรู้การทำงานของกล้องก่อนจะเริ่มใช้โหมดที่เริ่มให้เราปรับได้ยืดหยุ่นมากกว่านี้ ถ้าเรารู้จักกล้องของเรามากขึ้น เราก็สามารถคุมภาพที่ออกมาได้มากขึ้นไปด้วยครับ

3. โหมด Portrait, โหมดถ่ายภาพบุคคล (สำหรับมือใหม่สุด ที่อยากให้กล้องปรับการตั้งค่าสำหรับภาพบุคคล)

เมื่อเปลี่ยนเป็นโหมด Portrait หรือโหมดถ่ายภาพบุคคล กล้องจะเลือกรูรับแสงขนาดกว้างสุดไว้ก่อนเสมอ (F น้อย รูรับแสงกว้าง) เพื่อทำให้พื้นหลังมีการละลายมากที่สุด และถ้าเป็นกล้องที่ถูกออกแบบมาให้มีฟีเจอร์พิเศษที่จะมาเสริมความสามารถของโหมด Portrait กล้องมักจะนำมาใช้ด้วย เช่น หน้าเนียน หรือว่าผิวสว่างขึ้น ซึ่งความสามารถนี้ก็จะต่างกันไปตามรุ่นกล้องครับ

เหมาะกับตอนที่ต้องการถ่ายภาพแฟน ภาพบุคคลเป็นหลักตามชื่อโหมดเลย โดยที่กล้องจะเลือกความเหมาะสมทุกอย่างให้ตามที่กล้องคิดไว้ให้ เป็นโหมดที่สะดวกกับมือใหม่ และใช้งานง่ายมากครับ

*เพิ่มเติมสำหรับมือใหม่ที่อาจจะสงสัยว่าแล้วโหมดอื่นสำหรับคนที่ถ่ายภาพเก่ง ๆ แล้วทำไมไม่ใช้โหมดนี้กัน ก็มีตัวอย่างหลายแบบครับ เช่น ช่างภาพต้องการคุมความชัดลึกของตัวแบบ อาจจะไม่ได้ใช้ค่ารูรับแสงกว้างสุด, หรือว่าเขาไม่ต้องอยากจะถ่ายเอาหน้าเนียน, หรือต้องการชดเชยค่ารายละเอียดต่าง ๆ เอง ถ่ายย้อนแสงสวย ๆ เพราะเขาสามารถคุมภาพถ่ายย้อนแสงได้ดีแล้ว ช่างภาพจะเลือกโหมดกล้องตามที่ตัวเองต้องการจะใช้ให้เหมาะสมครับ

โหมดกล้องสำหรับมือใหม่ตัวนี้ จะบอกว่าการคำนวณจะตรงกันข้ามจากโหมด Portrait เลย เพราะเขาจะกำหนดให้กล้องถ่ายภาพแบบชัดทั้งภาพ รูรับแสงที่ถูกตั้งค่าจะเล็ก เพราะการถ่ายภาพทิวทัศน์จะเน้นการชัดทั้งภาพเป็นหลัก บางครั้งกล้องในโหมดนี้จะมีความเร็วของชัตเตอร์ที่ลดลง เพื่อให้ใช้รูรับแสงที่แคบ, ISO ต่ำที่สุด

ดังนั้นมือใหม่ที่ยังตั้งกล้องไม่เก่ง และอยากถ่ายภาพวิว ควรมีขาตั้งติดไปด้วยครับ เพราะเมื่อแสงเริ่มน้อยแล้วตั้งแต่ช่วงห้าโมงเย็น หรือสถานที่ ที่มีแสงสลัว แสงน้อยลง กล้องจะเลือกปรับ Shutter Speed ลงมา อาจจะถือถ่ายตามปกติยากหน่อยครับ ควรมีขาตั้งเสมอ แล้วก็ช่างภาพ Landscape ทุกคนก็ต้องมีขาตั้งเป็นเรื่องปกติ (อธิบายไว้เผื่อบางคนคิดว่าโหมดนี้ทำไมวุ่นวาย ต้องมีขาตั้งด้วยเหรอ อะไรแบบนั้น)

เมื่อไหร่ที่เราอยากจะถ่ายภาพวิว โหมดนี้จะตอบโจทย์มือใหม่ได้ดีที่สุดครับ อย่างที่ผมบอก ให้จำไว้เลยว่าถ้าแสงน้อย โอกาสที่ภาพเบลอจะเยอะขึ้น เพราะกล้องจะลดสปีดลงมา ควรมีขาตั้งกล้องครับ

• กฎสามส่วน สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นถ่ายภาพ ตั้งแต่ต้นจนจบ

• การถ่ายภาพด้วยกฎสามส่วน พื้นฐานของวิธีการจัดองค์ประกอบภาพที่ง่ายที่สุด

5. โหมด Sport, Sport Mode, โหมดถ่ายภาพกีฬา (เหมาะสำหรับมือใหม่สุด ที่อยากจะจับภาพที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงให้หยุดนิ่ง เช่น เด็กวิ่ง คนวิ่ง รถวิ่ง คนกระโดด นกบิน อะไรก็ตามที่เคลื่อนที่เร็ว)

โหมดนี้กล้องจะให้ความสำคัญ Shutter Speed เป็นหลัก เพื่อให้ได้ภาพที่หยุดนิ่ง และการโฟกัสก็จะถูกเซ็ตให้สามารถสนับสนุนการจับภาพที่รวดเร็วด้วย เป็นโหมดที่มือใหม่ที่อยากถ่ายภาพลูก หรือเด็ก ๆ วิ่งเล่นกันครับ ข้อจำกัดที่ควรรู้ไว้คือ เมื่อความเร็วชัตเตอร์สูงขึ้น แสงจะเข้าที่กล้องน้อยลง กล้องมักจะตั้งค่ารูรับแสงให้กว้าง แต่เมื่อแสงยังเข้าไม่มากพอ กล้องก็จะเริ่มขยับค่า ISO (ความไวแสง) ให้มากขึ้น เพื่อให้ปริมาณแสงเพียงพอ ข้อเสียที่ตามมาคือถ้าถ่ายในอาคาร ในห้อง แล้วใช้โหมดนี้ โอกาสที่ Noise ในภาพจะมีค่อนข้างมาก อาจจะต้องเข้าใจข้อจำกัดนิดนึงครับ

เมื่อต้องการถ่ายภาพเด็กวิ่ง ถ่ายภาพรถวิ่งเร็ว ๆ หรือภาพกีฬาครับ เป็นโหมดกล้องที่เหมาะสำหรับมือใหม่อีกโหมดหนึ่ง ใครบอกว่าถ่ายรูปเด็กแล้วภาพเบลอ แนะนำหมุนไปโหมดนี้แล้วกดได้เลยครับ

แม้ว่าน้อยคนจะถ่ายภาพมาโคร แต่ก็มีแน่นอน ถ้าผมเป็นมือใหม่แล้วต้องการถ่ายภาพเห็ดขนาดเล็ก หรือภาพสิ่งของเล็ก ๆ ก็จะเลือกโหมดนี้แน่นอน มาโครโหมดถ้าอยู่ในกล้อง Compact หรือกล้องขนาดเล็ก ใช้ง่าย ๆ จะยิ่งทรงพลังมาก เพราะเขาจะปรับตั้งค่าทุกอย่างให้ถ่ายได้ “ใกล้” และถ่ายได้ “ชัด” นั่นเองครับ

เมื่อต้องการถ่ายภาพวัตถุสิ่งของขนาดเล็ก เพื่อเน้นรายละเอียดของวัตถุเล็กน้อยออกมา สามารถใช้โหมดนี้ได้เลยครับ หรือถ้าจะลองประยุกต์หน่อยก็เอาโหมด Macro นี้มาลองถ่ายขนตา ถ่ายภาพโคลสอัพต่าง ๆ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องรายละเอียดที่ไม่ต้องการจะโผล่ออกมา เช่น สิว ขน รายละเอียดเล็ก ๆ ในส่วนพื้นผิวที่เราไม่ต้องการ

โหมดนี้เป็นโหมดที่ทำให้ชัตเตอร์ช้าลงเพื่อเก็บแสงในที่กลางคืนให้มากขึ้น เวลาที่เก็บภาพมาแบคกราวน์จะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น จะไม่เป็นสีดำจม ๆ เวลาเปิดแฟลชก็จะทำให้กล้องไม่ต้องยิงแฟลชออกมาแรงมากเกินไปครับ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากจะถ่ายภาพกลางคืน กล้องบางตัวมีโหมด Night Portrait ซึ่งกล้องก็จะไม่ลด Speed Shutter ให้ต่ำเกินไป เน้นเปิดรูรับแสงกว้าง ประมาณนี้ครับ แต่ถ้าหากว่าต้องเปิด Night Mode แล้วถ่ายภาพสถานที่ หรืออะไรที่นิ่ง ๆ ใช้ขาตั้งแล้วปิดแฟลชก็ได้ครับ

สภาพในที่แสงน้อยมาก ๆ หรือถ่ายตอนกลางคืนเลย เป็นโหมดสำหรับมือใหม่

โหมดนี้สำหรับคนที่ต้องการค่ารูรับแสงที่คงที่ (F) เมื่อเราตั้งค่ารูรับแสงไว้แล้ว ค่าอื่น ๆ กล้องจะเซ็ตให้เราเองครับ โดยที่เราอาจจะใช้การเซ็ต Auto อื่น ๆ ร่วมได้ เช่น Auto ISO Sensitivity เป็นต้นครับ ส่วนใหญ่คนที่ถ่ายภาพ Portrait จะเลือกแบบนี้ครับ เน้นการคุมความชัดตามที่ต้องการ ส่วนที่เหลือให้กล้องจัดการ

การถ่ายภาพ Portrait ครับ ส่วนใหญ่เน้นการทำให้หน้าชัดหลังเบลอ เราก็จะเปิด F1.4, F1.8 ค้างไว้ ส่วนที่เหลือให้กล้องเลือกให้เรา ปกติผมก็จะทำแบบนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณแสง กล้องก็จะปรับค่า Speed Shutter ให้เอง สบายดีนะ

โหมดนี้กล้องจะให้ความสำคัญกับ Shutter Speed เป็นหลัก โดยเราสามารถกำหนดค่า Shutter Speed ที่ต้องการไว้ ส่วนที่เหลือกล้องจะจัดการให้กับเราเองครับ เราอาจจะใช้การเซ็ต Auto อื่น ๆ ร่วมได้ เหมือนข้อก่อนหน้านี้ เช่น Auto ISO Sensitivity เป็นต้นครับ ส่วนใหญ่คนที่ถ่ายภาพ Portrait จะเลือกแบบนี้ครับ เน้นการคุมความชัดตามที่ต้องการ ส่วนที่เหลือให้กล้องจัดการ

การถ่ายภาพ Sport ต่าง ๆ เราก็จะเซ็ตค่า Speed Shutter ที่สูงค้างไว้เลวย หรือการถ่ายภาพที่ต้องการค่า Speed Shutter ต่ำคงที่เพื่อใช้ลากเส้นไฟถนน เราก็สามารถเลือกตรงนี้ค้างไว้ได้เช่นเดียวกัน

โหมด M สำหรับคนที่ชำนาญแล้ว และก็รู้ว่าการควบคุมแต่และแบบในสไตล์ของตนเอง แบบไหนที่เข้ากับสิ่งที่ต้องการมากที่สุด เราสามารถปรับตั้งค่าทุกอย่างได้อิสระ ทั้งความเร็วชัตเตอร์, ค่าความไวแสง, รูรับแสง และอื่น ๆ ที่ต้องการได้อย่างอิสระ บางครั้งอาจจะเลือกการตั้งค่า Auto ในบางส่วนได้เช่น Auto ISO แบบที่ลิมิต ISO สูงสุดที่รับไว้ได้

ได้หมด ถ้าเรารู้ว่าการตั้งค่าของกล้องให้เข้ากับสถานการณ์นั้น มักจะเป็นการถ่ายภาพที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงค่าบ่อยนัก เช่น ถ่ายภาพสินค้า หรือแฟชั่นในงานสตูดิโอ หรือจะเอามาใช้ในการถ่ายภาพปกติก็ได้ถ้าเราถนัดการเซ็ตค่าแบบนี้ครับ

– การตั้งค่ากล้องสำหรับมือใหม่ เริ่มพื้นฐานจากศูนย์กันเลย

– ISO คืออะไร รวมทุกอย่างที่ต้องรู้เรื่อง ISO

– คำแนะนำสำหรับมือใหม่ในการถ่ายภาพให้นิ่งและไม่เบลอ

– 7 ไอเดียการฝึกถ่ายรูปสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นเล่นกล้อง

– 10 เทคนิคการถ่ายภาพเบื้องต้นสำหรับมือใหม่