พื้นฐานการควบคุมกล้องถ่ายภาพ | สาระ ความรู้ ข่าวสาร ความบันเทิง ของชาวมัธยมศึกษา และประถมศึกษา : Knowledge for Thai Student | ThaiGoodView.com

พื้นฐานในการควบคุมกล้องถ่ายภาพ

การปรับค่าแสง หรือที่นักถ่ายภาพรุ่นเก่าๆ เรียกว่า "การตั้งหน้ากล้อง" หมายถึงการปรับให้แสงผ่านเข้าไปกระทบฟิล์มถ่ายภาพ หรือเซนเซอร์รับภาพของกล้องดิจิตอล เพื่อให้ได้ภาพที่มีความสว่างพอดี ไม่มืดเกินไป หรือสว่างเกินไป การปรับค่าแสง ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นๆ แล้วว่า การถ่ายภาพก็เหมือนกับการนำเอาแก้วน้ำไปรองน้ำ จะต้องให้น้ำเต็มแก้วพอดี ไม่มากจนล้นแก้ว หรือ น้อยเกินไปจนไม่เต็มแก้ว ซึ่งเหมือนกับการถ่ายภาพที่มีความสว่างพอดี ไม่สว่างมากเกินไป หรือมืดเกินไป การที่จะปรับให้ภาพที่ถ่ายมีความสว่างพอดี ก็จะต้องเปิดรูรับแสง ให้สัมพันธ์กับความเร็วชัตเตอร์ เช่น ถ้าใช้ขนาดรูรับแสงกว้าง แสงผ่านเข้าไปได้มาก ก็จะต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูง คือเปิดแล้วปิดเร็ว ถ้าใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ คือเปิดอยู่นาน ภาพที่ถ่ายก็จะสว่างมากเกินไป แต่ตรงกันข้าม ถ้าเปิดรูรับแสงเล็ก แสงผ่านเข้าไปได้น้อย ก็จะต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ เปิดรับแสงนานๆ เพื่อให้ได้ภาพที่มีความสว่างพอดี เช่นเดียวกัน การปรับค่าแสง หรือการตั้งหน้ากล้อง อย่างไรภาพจึงจะมีความสว่างพอดีนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัย 4 อย่าง คือ ของฟิล์ม หรือ ความเร็วในการรับภาพของเซนเซอร์กล้องดิจิตอล ความสว่างของแสงในขณะนั้น ขนาด และ ทั้งสี่อย่างนี้จะสัมพันธ์กันหมด ความไวแสงที่ต่างกันก็เหมือนแก้วน้ำที่มีขนาดต่างกัน เช่น ความไวแสงต่ำ เหมือนแก้วน้ำใหญ่ๆ ถ้าความไวแสงสูงขึ้น ก็เหมือนแก้วน้ำเล็กลง ความสว่างของแสง เหมือนกับน้ำจากก๊อกน้ำ ที่ไหลแรงบ้าง อ่อนบ้าง ถ้าแดดจัดก็เหมือนน้ำไหลแรง เวลาที่มีเมฆครึ้ม แสงน้อยลง ก็เหมือนน้ำที่ไหลอ่อน การเปิดรูรับแสง ก็เหมือนกับเปิดน้ำ ถ้าเปิดมากน้ำก็จะไหลแรง เปิดน้ำใส่แก้ว ก็จะเต็มเร็ว ต้องรีบปิด ถ้าเปิดหรี่ๆ น้ำก็ไหลน้อย ต้องเปิดนานกว่าน้ำจะเต็มแก้ว ถ้าใช้แก้วใหญ่ ต้องเปิดน้ำมาก หรือเปิดนานกว่าน้ำจะเต็มแก้ว ใช้แก้วเล็ก จะต้องเปิดน้ำน้อยกว่า หรือปิดเร็ว เป็นต้น ในกล้องปัจจุบัน จะมีเครื่องวัดแสงในตัว เมื่อตั้งค่าความไวแสงไว้แล้ว ก็จะวัดความสว่างของแสง และบอกว่าถ้าใช้ความเร็วชัตเตอร์เท่าไร จะต้องปรับรูรับแสงขนาดไหน จึงจะได้ภาพที่สว่างพอดี การปรับหน้ากล้องจะมีทั้งแบบปรับอัตโนมัติ หรือจะวัดแสงปรับตั้งเองก็ได้ ทำให้ได้ภาพที่มีความ

สว่างพอดีเสมอทุกภาพ หมายความว่าอะไร?

ความไวแสง คือ ความสามารถในการรับแสงของฟิล์มสำหรับถ่ายภาพ หรือเซนเซอร์รับภาพของกล้อง International Standards Organization ใช้ตัวย่อว่า ISO ตัวเลขความไวแสงจะบอกไว้ทั้งสองอย่าง เช่น ความไวแสง ISO 100/21 หรือ ISO 200/24 เป็นต้น

ความไวแสงของฟิล์มที่สูงๆ จะทำให้รับแสงได้เร็ว เปรียบเทียบกับแก้วน้ำขนาดต่างๆ ความไวแสงสูงก็เหมือนกับแก้วน้ำใบเล็กๆ ส่วนความไวแสงน้อยๆ ก็เหมือนกับแก้วใบใหญ่ๆ เมื่อเอาไปรองน้ำ แก้วเล็ก น้ำจะเต็มเร็ว แต่แก้วใหญ่ต้องเปิดน้ำนานกว่า เพื่อให้น้ำเต็มแก้วพอดี ไม่ล้น หรือพร่อง ภาพถ่ายที่เราถ่ายมาก็เช่นเดียวกันจะต้องได้รับแสงที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ภาพที่มีความสว่างพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป ถ้าเราให้กล้องเปิดชัตเตอร์แล้วปิดเร็ว ภาพก็จะมืด ถ้าเปิดนานมากๆ ก็จะสว่างเกินไป เป็นต้น

การปรับความไวแสงอัตโนมัติ (Auto ISO) ช่วยให้ผู้ใช้ที่ถ่ายภาพทั่วๆ ไป มีความสะดวกสบายมาก เพราะไม่ต้องคอยปรับความไวแสงเอง หมายถึงอะไร?

รูรับแสง ก็คือช่องสำหรับให้แสงผ่านเข้าไปกระทบฟิล์มถ่ายภาพ หรือเซนเซอร์รับภาพของกล้องดิจิตอล เลนส์ทุกตัวจะมีช่องรับแสงหรือบางคนก็เรียกว่ารูรับแสง รูรับแสงนี้ สามารถปรับให้กว้างหรือแคบได้ตามต้องการ โดยปรับที่แหวนปรับขนาดรูรับแสงที่ขอบเลนส์ หรือกล้องรุ่นใหม่ๆ จะมีแป้นปรับจากตัวกล้อง (โดยจะต้องปรับขนาดรูรับแสงที่แหวนปรับรูรับแสงที่ขอบเลนส์ไว้ที่เล็กที่สุดเสมอ) แสงสว่างจะผ่านเข้าไปได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความกว้างหรือแคบของรูรับแสง ถ้าเปิดกว้าง แสงจะผ่านเข้าไปได้มาก ถ้าปรับรูรับแสงเล็ก แสงก็จะผ่านเข้าไปได้น้อย

ขนาดของรูรับแสงจะบอกเป็นตัวเลขต่างๆ เรียกว่า factor คือเป็นผลลัพธ์จากการนำเอาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูรับแสง ไปหารขนาดความยาวโฟกัสของเลนส์ ผลที่ได้จะเรียกว่าเป็นค่า f stop ตัวอย่างเช่น ความยาวโฟกัสของเลนส์เท่ากับ 50 mm เส้นผ่าศูนย์กลางของรูรับแสงเท่ากับ 30 mm เมื่อนำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูรับแสงไปหารความยาวโฟกัส จะได้เท่ากับประมาณ 1.7 ก็จะเขียนว่า f/1.7 ถ้าขนาดรูรับแสงเล็กลงไป ผลลัพธ์จะได้ตัวเลขมากขึ้น เช่น เส้นผ่าศูนย์กลางของรูรับแสง 10 mm หารแล้วจะได้ประมาณ f/5 เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 mm จะได้เท่ากับ f/10 หรือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 mm จะได้เท่ากับประมาณ f/17 เป็นต้น จะเห็นว่าเมื่อตัวเลขมาก หมายถึงขนาดรูรับแสงเล็กลง ถ้าตัวเลขน้อยคือรูรับแสงกว้าง

รูรับแสงกว้าง ทำให้แสงผ่านเข้าไปได้มาก ถ้าเปิดรับแสงนาน ภาพที่ได้ก็จะสว่างเกินไป แต่ถ้าใช้ขนาดรูรับแสงเล็ก และเปิดรับแสงโดยใช้เวลาน้อยๆ คือ ใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ ก็จะได้ภาพที่มืดเกินไป ดังนั้น การใช้ขนาดรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์จะต้องให้สัมพันธ์กัน เมื่อเปิดรูรับแสงกว้าง ก็จะต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูง คือเปิดแล้วปิดเร็ว แต่ถ้าใช้ขนาดรูรับแสงเล็ก ก็จะต้องเปิดรับแสงนานมากขึ้น เพื่อให้ภาพที่ถ่ายมามีความสว่างพอดี นั่นเอง