แฟลชเสริมมีประโยชน์อะไรบ้าง

คำตอบ 1: แฟลชเสริมมีกำลังส่องสว่างสูงกว่าสำหรับการส่องไฟไปที่ระยะไกลๆ หรือครอบคลุมพื้นที่ได้เพียงพอเมื่อถ่ายภาพโดยใช้ทางยาวมุมกว้างอัลตร้าไวด์

แฟลชติดกล้อง (หรือที่เรียกกันว่า แฟลชป็อปอัพ) ที่มีอยู่ในกล้องส่วนใหญ่ซึ่งรวมถึงกล้อง DSLR และกล้องมิเรอร์เลส สะดวกต่อการใช้งานอย่างมาก แต่ก็มีข้อจำกัดมากเช่นกัน ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยแฟลชเสริม

ระยะห่างระหว่างแฟลชกับตัวแบบ หมายถึง ระยะห่างสูงสุดที่ตัวแบบสามารถอยู่ห่างจากแฟลชได้เพื่อให้แน่ใจได้ว่าตัวแบบจะได้รับแสงสว่าง แฟลชจะไม่สามารถส่องแสงไปถึงตัวแบบที่อยู่ไกลเกินระยะนี้ได้ เนื่องจากจะทำให้ภาพมืดเกินไป

แฟลชติดกล้อง โดยทั่วไปแล้วจะมีระยะห่างสูงสุดระหว่างแฟลชกับตัวแบบจำกัดอยู่ที่ 1 ถึง 3 เมตรที่ ISO 100

แฟลชเสริม มีกำลังส่องสว่างมากกว่าแฟลชติดกล้อง โดยบางรุ่นสามารถให้แสงสว่างกับตัวแบบที่อยู่ห่างออกไปเกินกว่า 10 เมตรได้ กล่าวคือ คุณสามารถใช้แฟลชเสริมเพื่อให้แน่ใจได้ว่าตัวแบบที่อยู่ห่างจากกล้องจะได้รับแสงสว่างเพียงพอ

มุมมองที่ครอบคลุม หรือที่เรียกกันว่ามุมแฟลช หมายถึง พื้นที่ที่แสงสว่างจากแฟลชสามารถครอบคลุมได้ในแง่มุมรับภาพของเลนส์ (ทางยาวโฟกัส)

แฟลชติดกล้อง มีมุมมองที่ครอบคลุมซึ่งออกแบบมาให้ครอบคลุมมุมรับภาพเทียบเท่าระยะมุมกว้างของเลนส์ซูมมาตรฐาน หมายความว่าหากคุณใช้ทางยาวโฟกัสใดก็ตามที่สร้างมุมรับภาพกว้างกว่ามุมมองที่ครอบคลุมของแฟลช (เช่น เลนส์มุมกว้าง) อาจทำให้ขอบภาพยังคงดูดำมืด หากใช้เลนส์ที่มีกระบอกยาว อาจมี "เงาเลนส์" ที่ไม่พึงประสงค์ปรากฏอยู่ในภาพด้วย

ในขณะที่แฟลชเสริมสามารถครอบคลุมมุมแฟลชได้กว้างกว่า ซึ่งหมายความว่า แฟลชชนิดนี้สามารถส่องสว่างได้ทั่วทั้งภาพไม่ว่าจะใช้เลนส์ประเภทใดก็ตาม รวมถึงเลนส์มุมกว้างด้วย

แฟลชติดกล้อง สามารถส่องแสงไปที่ตัวแบบได้ในทิศทางเดียว นั่นคือด้านหน้า ซึ่งอาจเพียงพอสำหรับฉากถ่ายภาพบางประเภท แต่สำหรับฉากอื่นๆ เช่น การถ่ายภาพพอร์ตเทรต การให้แสงด้านหน้าอาจทำให้ตัวแบบดูแบนราบ

ในขณะที่แฟลชเสริมจำนวนมาก รวมถึง Speedlite ของ Canon มีหัวแฟลชที่สามารถหมุนหรือปรับเอียงไปยังทิศทางและมุมการให้แสงต่างๆ กัน นอกจากนี้ Speedlite ของ Canon สามารถใช้งานแยกจากตัวกล้องได้เช่นกัน เพื่อให้สามารถปรับทิศทางของแสงได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น (ดูคำถามที่พบบ่อย 2)

แม้ว่าไม่จำเป็นจะต้องพกพาแยกต่างหาก แต่แฟลชติดกล้องก็มีข้อเสียเช่นกัน เช่น กำลังส่องสว่างของแฟลชไม่เพียงพอ และสามารถส่องแสงไปยังทิศทางด้านหน้าเท่านั้น หากต้องการสร้างผลงานที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพมากขึ้น ขอแนะนำให้ใช้แฟลชเสริม

ชุดแฟลชเสริมที่สามารถต่อเข้ากับฐานเสียบแฟลชได้ (ดูคำถามที่พบบ่อย 3) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อุปกรณ์แฟลชเสริม" (Clip-on flash)

คำตอบ 2: แฟลชเสริมมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่ทำให้คุณมีอิสระในการถ่ายภาพมากขึ้น และสร้างเอฟเฟ็กต์ที่ไม่สามารถสร้างได้ด้วยแฟลชติดกล้อง

นอกจากประโยชน์ที่กล่าวถึงในคำถามที่พบบ่อย 1 แล้ว แฟลชเสริมยังมีข้อดีอื่นๆ ดังนี้

แฟลชเสริมมีแหล่งจ่ายไฟแยกต่างหากซึ่งทำให้กลับมาพร้อมใช้งานเร็วกว่า หรืออีกนัยหนึ่งคือ หลังการยิงแฟลชจะใช้ระยะเวลาสั้นๆ ในการกลับมาพร้อมใช้งานในครั้งต่อไป ซึ่งหมายความว่าช่างภาพจะไม่ค่อยพลาดโอกาสในการถ่ายภาพ

หากแฟลชเสริมของคุณมีหัวแฟลชที่สามารถปรับได้ คุณจะสามารถปรับเอียงและเปลี่ยนมุมแฟลชเพื่อถ่ายภาพโดยใช้แฟลชสะท้อน ซึ่งทำให้แสงดูนุ่มนวลยิ่งขึ้น หากแฟลชเสริมรองรับคุณสมบัติต่างๆ เช่น การยิงแฟลชแบบไร้สายและการเชื่อมต่อกับแฟลชหลายตัว คุณจะสามารถสร้างเอฟเฟ็กต์ที่ดูซับซ้อนยิ่งขึ้นได้

กล้อง DSLR และกล้องมิเรอร์เลสของ Canon (ไม่รวม EOS M100 และ EOS M10) มีฐานเสียบแฟลชอยู่ด้านบนตัวกล้องสำหรับต่อเข้ากับแฟลชเสริม แต่ก่อนหน้านั้น คุณต้องตรวจสอบว่าแฟลชเสริมสามารถใช้ร่วมกับกล้องของคุณได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ เนื่องจากกล้องอาจไม่รองรับคุณสมบัติบางอย่างในแฟลชเสริม สำหรับกล้องดิจิตอลคอมแพคของ Canon นั้น รุ่นไฮเอนด์ที่มีฐานเสียบแฟลชสามารถถ่ายภาพโดยใช้แฟลชเสริมได้เช่นกัน

อ่านบทความต่อเนื่องของเราเกี่ยวกับสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อซื้อแฟลชเสริมได้เร็วๆ นี้

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเลือกแฟลชเสริมรุ่นต่างๆ ของ Canon ได้ในบทความต่อไปนี้

เลือกแฟลช Canon Speedlite อย่างไร