เทคนิคการจัดกระเป๋าเป้ Backpack

เชื่อว่าทุกคนที่จะแบกเป้ไปเที่ยว คงจะมีเรื่องหนักใจเวลาจัดกระเป๋ากันใช่มั้ยคะ ไม่รู้ว่าจะพกอะไรไปบ้างดี เสื้อตัวนี้ก็สวย กางเกงตัวนั้นก็น่ารัก กระโปรงตัวนู้นก็โอเค อยากจะขนไปเที่ยวให้หมดเลย แต่เราก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะคงไม่มีใครอยากไปเที่ยวแบบบ้านหอบฟาง หอบกระเป๋าหนักๆกันใช่มั้ยละคะ ดังนั้นวันนี้ทางเพจเก็บกระเป๋าของเรามีเทคนิคการจัดกระเป๋าเป้มาฝากกันค่ะ

สิ่งแรกคือ เราต้องคำนวณวัน เวลา ที่เราจะไปว่าใช้เวลานานแค่ไหน จะไปกี่วัน เราจะได้คำนวนเสื้อผ้าที่ใช้ ว่าต้องใช้กี่ชุดถึงจะพอ พยายามเอาเสื้อผ้าไปให้น้อยชิ้นที่สุด ตามความสบายใจของเรา ที่จะใส่โดยไม่รู้สึกสกปรก หรือรำคาญ หากที่ที่เราไป อากาศไม่ร้อนจนเกินไป ไม่ค่อยมีเหงื่อ ก็สามารถใส่เสื้อ หรือกางเกงตัวเดิมซ้ำได้

ถุงเท้า = จำนวนวันที่จะไป

ในกรณืที่ไปหลายวัน เช่น 2 อาทิตย์ หรือมากกว่านั้น แนะนำให้ซักเสื้อผ้าระหว่างการเดินทางเพื่อไม่ให้กระเป๋าหนักจนเกินไป

ควรทำ check list สินค้าแต่ละอย่าง ว่าของเรามีครบมั้ย ขาดเหลืออะไรหลังจัดของเสร็จ ให้กองทุกอย่างที่เราจะเตรียมไปไว้บนพื้น เพื่อจะดูว่า ขาดอะไรไปบ้าง มีของสำคัญอย่างอื่นด้วยมั้ย ให้แยกประเภทไว้เป็นอย่างๆ เช่น ของสำคัญ อุปกรณ์ถ่ายรูป ยาประจำตัว ชองใช้เบ็ดเตล็ด หาซอง หรือหาถุงมาใส่แยกกันให้เรียบร้อย จะได้สะดวกเวลาหาของ หรือหยิบจับมาใช้

หากอยากได้พื้นที่ในการจัดเก็บกระเป๋าเยอะๆ เราก็ต้องรู้เทคนิคในการจัดเก็บเสื้อผ้า สำหรับคนที่ใช้กระเป๋าเป้แนะนำให้ ‘ม้วน‘ เสื้อ เพื่อที่เวลาเก็บ เสื้อจะได้ไม่ยับ แถมยังประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าอีกด้วย สำหรับผ้าหนาๆให้ใส่ ziplock บีบเอาอากาศออก เอาให้ประหยัดเนื้อที่สุดๆ ข้อดีของการใส่ ziplock คือ เราสามารถจัดหมวดหมู่เสื้อผ้าเราเป็นส่วนๆได้ ทำให้ไม่ลำบากเวลารื้อ ออกมาแล้วจัดเข้าไปใหม่ หากใครที่ม้วนไม่เป็น ดูวิธีม้วนตามในรูปได้เลยค่ะ พยายามอย่าเอาเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักมากไป เช่น กางเกงส์ยีน เนื่องจากถ้าเจอฝนตก กางเกงส์ยีนส์จะอมน้ำ และแห้งยากมากๆ ลำบากในการจัดเก็บด้วยค่ะ พยายามเหลือพื้นที่สำหรับใส่เสื้อผ้าที่ใส่ไปแล้วด้วยนะคะ ส่วนถุงเท้านั้น พยายามเลือกคู่เก่าๆไปใส่ หรือซื้อถุงเท้าแบบ 6 คู่แล้ว ไว้เผื่อใส่แล้วทิ้งค่ะ เพราะถุงเท้านั้น หากใส่แล้ว จะเต็มไปด้วยกลิ่นอับ หากเอาไปรวมกับเสื้อผ้า กลิ่นอาจจะติดเสื้อผ้าได้ค่ะ หากไปทริประยะยาวมากๆ เช่น 12-15 วันขึ้นไป แนะนำให้หาที่พักที่สามารถซักเสื้อผ้าตากได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องแบกเสื้อผ้าไปเยอะให้ปวดหลังนะคะ พยายามเช็คดูสภาพอากาศก่อนจะไปด้วยค่ะ ว่าสภาพอากาศเป็นอย่างไร จะได้เตรียมเสื้อผ้าไปรับมือได้

เนื่องจากกระเป๋าเดินทางหลายๆใบ จะมีการจำกัดน้ำหนักกระเป๋า เช่น 30 ลิตร 40 ลิตร อาจบวกลบได้นิดหน่อย แนะนำว่าหากจะเดินทางไกล และไปหลายที่ แนะนำให้กระเป๋าเบา จะดีที่สุด เพราะจะช่วยให้เที่ยวได้คล่องตัว คงจะไม่สนุกแน่ หากต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ๆขึ้นลงรถโดยสาร เดินเที่ยว หรือขึ้นลงเขา เอาไปแค่ที่จำเป็นก็พอ หากจัดเสร็จแล้ว ลองชั่งน้ำหนักกระเป๋าดูว่าเกินมั้ย เพราะบางสายการบินจะจำกัดน้ำหนักกระเป๋าสำหรับหิ้วขึ้นเครื่อง เช่น ของแอเอเชียร์กระเป๋ามีขนาดไม่เกิน 56 ซม. x 36 ซม. x 23 ซม. และห้ามหนักเกิน 7 กก.หากกังวลเรื่องน้ำหนักกระเป๋าเกิน แนะนำให้ซื้อเครื่องชั่งน้ำหนักกระเป๋าแบบพกพาไปด้วย

การจัดกระเป๋าเดินทางเพื่อไปเที่ยวนั้น ก็เหมือนกับการที่เราย้ายไปอยู่ที่อื่นสักช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้นของที่เราจะเตรียมไปล้วนเป็นของจำเป็นในชีวิตประจำวันเราทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อาบน้ำ เครื่องสำอาง ของใช้ส่วนตัว ยาสามัญ เสื้อผ้า หรือชุดชั้นในเป็นต้น ดังนั้นการที่เรามีอุปกรณ์หรือกระเป๋าใบเล็กๆมาช่วยจัดสรรสิ่งของเรานี้ให้เป็นระเบียบมากขึ้น ยังช่วยให้เราหยิบใช้งานและเก็บข้าที่ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

การจัดกระเป๋าเป้ Backpack ไม่ใช่แค่เรายัดใส่ไปให้เต็มพื้นที่ของกระเป๋า แค่เราควรคำนึงด้วยว่าอะไรควรจัดใส่ไว้ตรงไหน ของหนักควรไว้ตรไหน เสื้อผ้าควรไว้ตรงไหน ของใช้ที่จำเป็นควรไว้ตรงไหน นอกจากจะทำให้เราหยิบของสะดวกขึ้นแล้วยังทำให้เรารู้สึกเบาขึ้นอีกด้วย

- ภายในกระเป๋าด้านบนจะเก็บของชิ้นเล็กๆ ที่มีน้ำหนักเบา ที่ใช้บ่อยเพื่อให้หยิบออกมาได้ง่าย เช่น อาหาร ขนม หมวก หมวก

- ภายในกระเป๋าส่วนกลางส่วนที่ติดกับหลังติดหลัง ควรใส่ของที่มีน้ำหนักมาก ใช้งานไม่บ่อยจนเกินไป ตำแหน้งควรจะอยู่ช่วงกลางหลัง ใกล้ๆกับบ่า

- ภายในกระเป๋าส่วนกลางไม่ใช่ส่วนที่ติดกับหลัง ควรจะใส่ของที่มีน้ำหนักปานหลางเช่น เสื้อผ้า ถูงเท้า

- ภายในกระเป๋าส่วนล่าง ควระใส่ของที่ไม่คอยเอาออกมาใช้และมีน้ำหนักเบาเช่นถูงนอนหรือเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว

- การจัดกระเป๋าควรจัดซ้ายขวาให้สมดุลกันเพื่อไม่ให้้น้ำหนักไปลงข้างใดข้างหนุงมากกว่า