กล้อง DSLR ยี่ห้อไหนดีในปี 2021?
กล้องตัวนี้เหมาะกับทั้งการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารทั้งผ่าน Wi-Fi และ GPS โดยสามารถควบคุมตัวกล้องผ่านแอปพลิเคชั่น Wireless Mobile Utility ได้ กล้องในตระกูล Nikon รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ใช้ระบบประมวลผลภาพด้วยเทคโนโลยี EXPEED 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ได้ภาพที่คุณภาพสูง และทำให้ประมวลผลถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว เซนเซอร์ของกล้องเป็นประเภท CMOS ที่มีความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล กล้องรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยเน้นการถ่ายภาพคุณภาพสูงโดยจะช่วยปรับความสมดุลของแสงสีขาว รวมถึงให้สีอื่นที่อิ่มเอิบและทำให้ภาพมีความคมชัดมากขึ้นในขณะที่ปรับให้ภาพนุ่มนวล ส่วนการบันทึกภาพนั้นจะบันทึกภาพ Raw 12 บิทที่พร้อมให้ความละเอียดสูงสุด ความไวแสงของกล้องรุ่นนี้ครอบคลุมอยู่ที่ ISO100 – ISO12800 และสามารถเพิ่มขยายได้ถึง 25600 ในกรณีที่แสงต่ำมาก พร้อมทั้งลดเสียงลงได้อย่างมาก ส่วนช่องมองภาพของกล้องครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 95 ช่วยให้สามารถเห็นภาพที่ถ่ายได้อย่างครบถ้วน จุดโฟกัสอัตโนมัติของกล้องรุ่นนี้สามารถจับโฟกัสอัตโนมัติได้ 9 จุด และ Cross-type มีเฉพาะตรงกลาง ระบบวัดแสงของกล้องจะสามารถเฉลี่ยแสงแบบทั้งภาพโดยจะเน้นที่บริเวณกลางภาพ กล้องรุ่นนี้มาพร้อมแฟลชที่เปิด-ปิดได้ในตัว และสามารถเชื่อมต่อแฟลชจากภายนอกเข้าเพื่อใช้งานกับตัวกล้องได้

สำหรับกล้อง Sony นั้นเชื่อว่าช่างภาพมืออาชีพหลายคนคงเคยลองใช้งานมาแล้วในระดับหนึ่ง ส่วนช่างภาพมือสมัครเล่นที่ยังไม่คุ้นเคยกับกับ Sony เท่าไหร่ก็ลองอ่านรีวิวนี้ดูว่าชอบฟังก์ชั่นของกล้อง DSLR Sony รุ่น DSC-H300 หรือไม่ กล้องรุ่นนี้ขึ้นชื่อว่ามีประสิทธิภาพในการซูมโดยที่ยังคงรายละเอียดของภาพไว้ได้มาก ตระกูล Cyber-shot รุ่น DSC-H300 นี้ให้พลังการซูมออปติคอลถึง 35X ทำให้เมื่อถ่ายภาพระยะไกลด้วยการซูมมีความละเอียดและได้ภาพที่สวยงามมากขึ้น และยังสามารถซูมเลนส์ในขณะถ่ายวิดีโอได้ด้วย เซนเซอร์ของกล้องเป็นแบบ Super HAD CCD ที่มีความละเอียด 20.1 ล้านพิกเซล ส่วนการถ่ายวิดีโอนั้นก็ทำได้ง่ายจากกล้องรุ่นนี้ โดยที่เลื่อนนิ้วไปสัมผัสที่ปุ่มถ่ายวิดีโอก็เริ่มถ่ายได้เลย กล้อง DSLR รุ่นนี้สามารถถ่ายวิดีโอ MP4 ได้ที่ 30 เฟรมต่อวินาที โดยสามารถถ่ายวิดีโอระดับ HD ได้ โหมดที่โดดเด่นอีกโหมดหนึ่งของกล้อง DSLR ของ Sony รุ่นนี้คือการถ่ายภาพพาโนรามาที่ทั้งถ่ายง่ายและให้ภาพที่คมชัด นอกจากนี้ตัว Sony เองยังออกแบบกล้อง DSLR รุ่นนี้มาให้เหมาะกับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว เช่น ภาพกีฬา ภาพสัตว์ป่า ภาพนกที่กำลังบิน วัตถุเคลื่อนไหวเร็วต่าง ๆ โดยมีโหมด Optical SteadyShot ที่ให้ช่างภาพทั้งหลาย แม้ไม่ใช่มืออาชีพ ก็สามารถถ่ายภาพคุณภาพสูงโดยที่ภาพไม่เบลอได้ และช่วยลดความพร่ามัวของภาพด้วยแม้ในขณะที่แสงน้อย อีกอย่างที่โดดเด่นสำหรับกล้อง DSLR รุ่นนี้ก็คือ ส่วนโค้งเว้าของรูปลักษณ์ภายนอกกล้องที่ออกแบบมารองรับการจับและสัมผัสกับตัวกล้อง ให้ความรู้สึกถึงความแนบแน่นไปกับมือช่างภาพและให้ความรู้สึกมั่นคงและมั่นใจเมื่อถ่ายภาพ (ว่ากล้องจะไม่หลุดจากมือ) ถือเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างล้ำหน้าและเป็นไปตามลักษณะการใช้งานกล้องถ่ายรูปในปัจจุบันมากขึ้น
มาดูอีกรุ่นของกล้องสำหรับถ่ายภาพแบบมืออาชีพของตระกูล Nikon กันบ้าง ซึ่งรุ่นนี้จะเรียกได้ว่าเป็นกล้องรุ่นฟังก์ชั่นเต็มก็ว่าได้ เนื่องจากออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการถ่ายภาพในสถานการณ์ที่ Extreme ได้โดยไร้ปัญหา กล้อง DSLR ของ Nikon รุ่นนี้ใช้ระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูง EXPEED 4 ที่ทำให้สามารถถ่ายภาพคุณภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเซนเซอร์ที่โฟกัสอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำถึง 51 จุดด้วยเทคโนโลยี Advanced Multi-CAM 3500 II ทำให้ได้ภาพที่คมชัดแม้ถ่ายในบริเวณที่แสงน้อย ความละเอียดที่กล้องถ่ายภาพได้สูงสุดคือ 24.2 ล้านพิกเซล และสามารถถ่ายวิดีโอ HD ได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080/60p ระบบแสดงภาพเป็นแบบ AF พร้อมมีกากบาท 15 ตัว ซึ่งเรียกได้ว่ามีความสามารถในการจับภาพค่อนข้างสูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ กล้องรุ่นนี้ยังมีความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่องได้ถึง 100 ภาพที่ความเร็ว 6 เฟรมต่อวินาที ทำให้สามารถถ่ายภาพยาก ๆ อย่างภาพลำแสงได้ ฟังก์ชั่นที่กล้อง DSLR นิยมพัฒนากันออกมาอีกฟังก์ชั่นหนึ่งคือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสาร โดยที่รุ่นนี้ให้ช่างภาพสามารถส่งภาพผ่านได้ทั้ง Wi-Fi และ NFC โดยที่ตัวหลังนี้ใช้สำหรับการส่งไฟล์ที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง ภายในตัวกล้องจะมีระบบทำความสะอาดตัวเองเพื่อป้องกันฝุ่นละอองเกาะที่เซนเซอร์ แต่ทั้งนี้ต้องใช้ซอฟท์แวร์ Capture NX-D กระจกในตัวกล้องเป็นแบบดีดกลับเอง มีช่องสำหรับรับการเชื่อมต่อแฟลชจากด้านนอก จุดโฟกัสอัตโนมัติสูง 51 จุด รวมถึงมีระบบปรับแสงขาวอัตโนมัติด้วย รวมถึงมีฟังก์ชั่นการถ่ายภาพเหลื่อมเวลาด้วย
ตอนนี้ถึงคราวมาเล่าถึงกล้อง DSLR ในตระกูล Canon เจ้าแม่แห่งวงการถ่ายภาพกันบ้าง โดยที่รุ่นนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพทั้งในบริเวณที่มีแสงต่ำไปจนถึงบริเวณที่ไวต่อแสงด้วยระบบประมวลภาพ DIGIC 4+ โดยที่ค่าความไวแสงของกล้อง DSLR รุ่นนี้อยู่ที่ ISO 100 – 6400 (ขยายได้ถึง 100-12800) รุ่นนี้สามารถเลือกใช้งานได้กับเลนส์กว่า 70 รุ่น ทำให้สามารถเลือกถ่ายภาพได้ครอบคลุมทุกสถานการณ์ สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์สื่อสารผ่าน Wi-Fi และ NFC ที่สามารถส่งไฟล์ภาพขนาดใหญ่หรือไฟล์วิดีโอได้ และสามารถเลือกใช้งานได้ 25 ภาษา เซนเซอร์ที่ใช้เป็นประเภท CMOS ที่โฟกัสอัตโนมัติได้ 9 จุดและมีสัญญาณรบกวนต่ำ และถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 3 เฟรมต่อวินาที มีระบบปรับความขาวอัตโนมัติ กระจกสะท้อนภาพของกล้องรุ่นนี้เป็นแบบดีดกลับเอง ส่วนช่องมองภาพนั้นครอบคลุมร้อยละ 95 ทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง ระบบการตรวจจับภาพเป็นการจับภาพแบบผลต่างเฟส รวมถึงการตรวจจับใบหน้าใน Live Mode ด้วย
รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีราคาเขยิบมาจากรุ่นที่แล้วเล็กน้อย โดยความโดดเด่นของกล้อง Canon รุ่นนี้คือ ระบบโฟกัสที่ถือได้มีเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาไปมากอย่าง Hybrid CMOS AF II โดยที่สามารถจับโฟกัสวัตถุที่ต้องการถ่ายได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด และกล้องรุ่นนี้ก็ออกแบบมาให้สามารถถ่ายภาพในโหมด Live View รวมถึงบันทึกวิดีโอได้เป็นอย่างดี รวมถึงไม่มีเสียงรบกวนขณะถ่ายวิดีโอด้วย กล้องรุ่นนี้มาพร้อมความละเอียด 18 ล้านพิกเซล โดยมีระบบประมวลภาพ DIGIC 5 รองรับการถ่ายวิดีโอ HD ที่มีสามารถโฟกัสอัตโนมัติอย่างต่อเนื่องขณะถ่ายวิดีโอ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานวิดีโอสแนปซ็อตพร้อมสามารถแก้ไขภาพได้ด้วย กล้อง DSLR รุ่นนี้มีการเพิ่มโหมดการถ่ายภาพพิเศษสำหรับวัตถุ (ออบเจ็ค) ที่มีความแตกต่างกัน เช่น โหมดการถ่ายภาพซีน มีโหมดที่สามารถถ่ายสองซ็อตได้พร้อมกันที่เรียกว่า “ซ็อตเอฟเฟคพิเศษ” ซึ่งจะได้ภาพสองซ็อตเมื่อใช้ตัวกรอง Image Creation การถ่ายภาพด้วยกล้อง DSLR ของ Canon รุ่นนี้นั้นจะทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัดสูง ได้สีของภาพที่เสมือนจริง จุดโฟกัสอัตโนมัติของกล้องอยู่ที่ 9 จุด และอย่างที่บอกไปแล้ว กล้องรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี Hybrid CMOS AF II ที่ทำให้สามารถถ่ายภาพได้อย่างแม่นยำ สามารถถ่ายภาพได้ต่อเนื่อง 4 เฟรมต่อวินาทีด้วยความไวแสง ISO 100-12800 (สามารถขยายได้ถึง 25600) ที่ให้สามารถถ่ายภาพออกมาได้ทั้งในบริเวณที่แสงน้อยและบริเวณที่มีแสงมาก หน้าจอของกล้องเป็นแบบสัมผัสที่สามารถแตะเพื่อปรับเพื่อเลือกโฟกัสอัตโนมัติได้ หน้าจอเคลือบเพื่อป้องกันรอยเปื้อนและลดการสะท้อนของแสงในบริเวณที่แสงจ้า ให้สามารถมองที่หน้าจอของกล้องได้ชัดขึ้น
มาดูอีกตัวของกล้อง DSLR ของ Nikon กัน โดยที่กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับเซนเซอร์ภาพที่มีความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซลที่ไม่มี Low-pass filter (OLPF) ที่ความไวแสง ISO 100 – 25600 และมีสัญญาณรบกวนต่ำแม้มีแสงมาก โดยกล้องใช้ระบบประมวลผลภาพ EXPEED 4 ที่ทำให้ได้ภาพคุณภาพสูง ถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว หน้าจอสัมผัสที่ปรับมุมได้ ทำให้การถ่ายภาพมุมเอียงมาก ๆ ทำได้ง่าย แถมยังสามารถควบคุมการถ่ายภาพจากหน้าจอสัมผัส รวมถึงสัมผัสที่หน้าจอเพื่อปรับโฟกัสได้อีกด้วย ส่วนฟังก์ชั่น Touch ก็ให้ช่างภาพสามารถตั้งค่าโฟกัสอัตโนมัติและรูรับแสงได้จากการสัมผัสที่หน้าจอ ช่องมองภาพครอบคลุมภาพร้อยละ 95 ตัวกระจกสะท้อนภาพดีดกลับเอง กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบโฟกัสอัตโนมัติสูงสุดถึง 39 จุด ความเร็วของการจับความคมชัดจะช่วยให้สามารถจับวัตถุเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากขึ้น และสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 5 เฟรมต่อวินาที ส่วนการบันทึกวิดีโอนั้น กล้องรุ่นนี้สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวที่มีสีสันสดสวยด้วยระบบที่ลดรอยหยักฟันปลาภายในกล้อง ตัวกล้องสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารผ่าน Wi-Fi ได้ ทำให้สะดวกต่อการส่งออกภาพผ่านแอปฯ Wireless Mobility Utility และรุ่นนี้ก็มีระบบทำความสะอาดตัวเองเพื่อป้องกันฝุ่นเกาะที่เซนเซอร์ภาพ
ตอนนี้เราก็มาถึงรุ่นสุดท้ายของรีวิวในวันนี้ โดยรุ่นสุดท้ายที่เลือกมาให้ได้อ่านกันคือกล้อง DSLR ของ Canon รุ่น EOS 700D ที่มาพร้อมกับเซนเซอร์แบบ APS-C Hybrid CMOS ที่มีความละเอียด 18 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสจะใช้การจับผลต่างเฟสที่สามารถจับโฟกัสอัตโนมัติได้ 9 จุดที่สามารถจับภาพได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว รวมถึงมีระบบ AI Servo AF ที่ช่วยรักษาความแม่นยำของโฟกัสเมื่อทำการถ่ายภาพด้วย และความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ 5 เฟรมต่อวินาที กล้องใช้ระบบประมวลผล DIGIC 5 ที่ให้ความไวแสงที่ ISO 100–12800 (ขยายได้สูงสุดถึง 25600 ใน H mode) และความสามารถในการบันทึกวิดีโอของกล้องรุ่นนี้ก็มีความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล 30 เฟรมต่อวินาทีเลยทีเดียว กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับ Live View AF ที่หลากหลาย หน้าจอสัมผัสที่ปรับหมุนได้ถึง 360 องศาทำให้ใช้งานกล้องได้สะดวก รวมถึงการถ่ายภาพเซลฟี่ด้วย กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับฟังก์ชั่นในการตกแต่งภาพ โดยสามารถใช้งานโหมด Dial Design และตัวกรอง Creative ที่ให้ช่างภาพทั้งหลายปรับแต่งเอฟเฟ็คต่าง ๆ ได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยให้สามารถสร้างสรรค์และตกแต่งภาพถ่ายได้ดั่งใจอยากเลยทีเดียว ส่วนเลนส์ของกล้องมีระบบ Optical Image Stabilizer ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้สวยงามแม้ในขณะแสงน้อย ส่วนช่องมองภาพครอบคลุมภาพร้อยละ 95 เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ระบบแฟลชของตัวกล้องนั้นสามารถดีดตัวขึ้นมาได้โดยอัตโนมัติ
Post a Comment