กล้อง 360 องศารุ่นไหนดี ที่นี่มีคำตอบ

การเลือกกล้อง 360

ราคา

ราคากล้อง 360 องศาเท่าไร

1. Xiaomi

กล้อง compact

Rig

Stitch

2. Ricoh Theta S

IOS และ Android

3. Samsung Gear 360

4K

4. Elecam 360

5. Insta360 nano

iPhone 6

6. DJI OSMO

App DJI GO

กล้อง 360 องศาเป็นเทรนใหม่ก็ว่าได้ ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานนี้ หลายๆ คนอาจจะเห็นหรือพอรู้มาบ้าง บางคนอาจจะไม่รู้จักว่าคืออะไร จนได้มาเจอกับบทความนี้ ผมจะพูดถึงองศานะครับบ กล้อง 360 องศา ก็คือกล้องที่ถ่ายรูปและเก็บบรรยากาศรอบตัวได้ครบทุกมุม ทุกองศา เปลี่ยนประสบการณ์การถ่ายรูปแบบใหม่ อินเทรนกว่าเดิม กล้อง 360 องศา ตอนนี้ (ธันวาคม 2016) มีออกมาหลายรุ่นแล้ว นับดีๆ ก็ประมาณ 10-15 รุ่น ปัญหาโลกแตก และคำถามยอดฮิต แล้วจะใช้รุ่นไหนดี แต่ละรุ่นแตกต่างกันยังไง ทำไมรุ่นนี้แพงกว่า ใช้ยากไหมจะมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดยิบ จากประสบการณ์ตรงที่ผมได้ใช้งาน กล้อง 360 องศา ทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน1. Xiaomi Yi 360 องศา2. Ricoh Theta S3. Samsung Gear 3604. Elecam 3605. Insta360 nano6. DJI OSMOเริ่มจาก Xiaomi Yi เป็นตัวแรกเลย จริงๆ อยากจะใช้ Go Pro และกระเป๋าตังค์ไม่เห็นด้วย ก็เลยต้องใช้ Yi ที่ใช้ Xiaomi Yi เพราะหรือ กล้อง 360 องศาสำเร็จรูปยังไม่มีขายนอกจาก Theta M15 กล้อง Xiaomi ต้องใช้ 6 ตัว มาประกอบกันเพื่อรวมภาพให้ได้ครบทุกมุม 360 องศา จะไม่เหมือนกล้อง Compact ที่กดถ่ายแชะเดียวได้รูป 360 องศามาเลย ดูวิดีโอการใช้งานได้ครับมีกล้อง Xiaomi Yi 6 ตัวไม่พอต้องมีอุปกรณ์อื่นอีก คือหรือกรงที่ไว้ประกอบกล้อง 6 ตัวไว้ด้วยกัน ที่นี่ก็เริ่มถ่ายได้ พอจะถ่ายก็เกิดปัญหาอีก อ้าวเห้ย แล้วกล้อง 6 ตัวนี้จะถ่ายพร้อมกันยังไง จะต้องควบคุมกล้องแบบไหน แล้วภาพที่ออกมาจะประกอบรวมกันยังไง มี แอปควบคุมการถ่ายและ โปรแกรมรวมภาพ 360 องศา หรือ เรียกว่ารายละเอียดลึกๆ คลิกอ่านได้ที่นี่ครับ เขียนตรงนี้จะไม่จบ ^^ ยาวแน่นอนกลับมาที่บทความนี้ที่จะพูดถึงการเลือกรุ่นนะครับ เกริ่นมายาวแล้ว เอาเป็นว่ารุ่นนี้ถ้าจะซื้อมาใช้งานถ่ายรูป 360 สวยๆ เกร๋ๆ ไม่แนะนำให้ใช้รุ่นนี้ครับ เพราะ ถ่ายยาก ขั้นตอนยุ่งยาก กว่าจะได้ถ่าย และ Stitch ยากอีก รุ่นประเภทนี้เหมาะกับพวกนักถ่ายมืออาชีพครับจากที่ได้เล่น Xiaomi Yi มาแล้ว บอกตามตรงว่า รูป 360 องศานั้นทำยากจัง แล้วเกือบจะเลิกเล่น กล้อง 360 องศาไปแล้ว เหมือนสวรรค์มาโปรดได้เห็นสัมนากล้อง 360 จาก Theta S ได้มีโอกาสไปงานสัมนากล้อง Ricoh Theta S แล้วพบกับสิ่งมหัศจรรย์ช่วยชีวิตผู้คนมากมาย ให้ถ่ายรูป 360 องศาได้ง่ายขึ้นมากๆๆๆ กดถ่ายแชะเดียวจบเลย แล้วรูปที่ออกมาสวยด้วย ก็เลยตัดสินใจซื้อในงานนั้นเลย แถมไม้เซลฟี่ให้ด้วยTheta S นั้นถ่ายรูปและวิดีโอ 360 องศาได้ และมีโปรแกรมหรือแอปสำเร็จรูปให้โหลดได้ฟรีด้วย ทั้งมันแจ่มตรงนี้ แล้วมันใช้ง่าย ถ่ายเสร็จโฟสขึ้น Facebook ได้เลย ท่านใดที่ต้องการความง่าย ความสะดวกในการพกพา แนะนำรุ่นนี้เลยความอยากยังไม่หมดสิ้นหลังทีได้เล่น Theta S อยากรู้ว่ารุ่นอื่นมันดีกว่าไหม ไปเจอ กล้อง 360 องศา Samsung Gear 360 บอกว่าถ่ายได้ชัดนะ มือไม้เริ่มสั่นอยากจะลองสัมผัสจริงๆ ว่าจะเริศขนาดไหน จนได้มันมาลองเล่นดูคือแบบว่า รูปทรงมันสวยอ่ะ กลมๆ น่ารักดีชอบ จับถนัดมือ กำได้พอดีเลย รูปที่ได้ออกมาไม่ผิดหวังจริงๆ คือดีงาม stitch ในมือถือได้เลย หรือจะเอามาตัดต่อบน PC ก็ได้ การตัดต่อบน PC นั้นง่ายมากเลย เพราะมี App DirectAction เรื่องฟังก์ชันก็มีเยอะไม่แพ้กัน จริงๆ มีเยอะเลย คลิกอ่าน รีวิวลึกๆ ได้ที่นี่ จะยกตัวอย่างฟังกชันหลักๆ คิดว่าน่าจะได้ใช้บ่อยๆ เช่น การปรับ IOS white balance ได้ หรือจะตั้งเวลาถ่ายก็ได้ แต่ข้อเสียมีนิดเดียว การควบคุมจะควบคุมแอปของ samsung และต้องใช้โทรศัพท์ของซัมซุงเท่านั้น S6 S7series และ Note5 เท่านั้น ส่วน Theta S จะใช้ได้กับโทรศัพท์ทุกรุ่นเลย และยังไม่ค่อยมีขายไทยเท่าไรรุ่นนี้ส่วนมากจะใช้งานในแบบเป็นงานเป็นการนิดนึง ไม่ได้เอาใช้ถ่ายเล่นๆ เหมือน Theta เน้นถ่ายงาน Product ในราคาที่จับต้องได้เป็นรุ่นราคาถูกที่สุด ไม่ถึงหมื่นบาท ใช้ถ่ายได้ทั้ง IOS และ Android ถ่ายรูป 360 องศาได้เช่นกัน ความละเอียด HD มาพร้อมกับซอร์ฟแวร์ที่ stitch ภาพและวิดีโอได้ ดาวน์โหลดได้ฟรี มีแบตในตัว เพิ่มหน่วยความจำได้มากสุด 32 GBรุ่นนี้ถือได้ว่าเปิดตัวได้ร้อนแรงเลยทีเดียวเมื่อกลางปี 2016 ที่ผ่านมา ที่ใช้กับระบบ IOS ก็คือขึ้นไป (Android ยังไม่ support) เชื่อมต่อผ่าน port lightning กับโทรศัพท์ได้โดยตรงควบคุมผ่านแอปใน iphone ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ความละเอียดได้ถึง 2K มีแบตในตัว เพิ่มหน่วยความจำได้ มากสุด 64 GBรุ่นนี้ผมชอบตรงที่ Live Streaming ได้สดๆ ผ่าน Youtube 360 องศา ถือว่าเป็น option ที่เจ๋งเลยทีเดียว พูดถึงราคาบ้างถือว่าไม่แพงเลย 9,900 บาท เท่านั้น จ่ายหมื่นมีทอน มีขายในไทยแล้ว และได้ข่าวมาว่าจะมีรุ่นที่รองรับ android จะออกมาเร็วๆ นี้อีกด้วยเป็นกล้องอีก 1 รุ่นที่ไม่ใช่กล้อง 360 องศา แต่สามารถถ่ายรูป 360 องศาได้ งง ไหม จริงๆ แล้ว OSMO เป็นกล้อง Action ทั่วๆ ไปเป็นกล้องประเภทเดียวกับกับ Go Pro หรือ Xiaomi Yi แต่ะเราสามารถนำ OSMO มาประยุกต์ใช้งาน 360 องศาได้ วิธีการนั้นง่ายมาก เพราะมีแอปสำเร็จรูปที่ให้เเราเล่น 360 องศาได้อย่างง่ายดายแต่จะถ่ายได้เฉพาะรูป 360 องศาเท่านั้น ยังถ่ายภาพเคลื่อนไหวไม่ได้ เพราะว่า OSMO จะถ่ายทีละรูปทีละมุมแล้วนำมา stitch รวมกันทั้งหมดที่มากว่า 20 รูป จริงๆ เราสามารถตั้งค่าจะให้ OSMO ถ่ายถี่และละเอียดแค่ไหนเราตั้งจำนวน row และ colum ได้ เช่น 3 row 8 colum OSMO ก็จะถ่ายทั้งหมด 24 รูป แล้วมารวมกันเป็น 360 องศาเรื่องความละเอียด ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า row column ที่พูดไป ยิ่งถ่ายเยอะความคมชัดก็จะสูงตามไปด้วย ส่วนการ stitch ที่หลายๆ คนถามเข้ามากันมาก DJI Go stitch ให้เราฟรีเลยครับผ่าน App DJI Goเล่าคุณสมบัติของกล้อง 360 องศา มา 6 รุ่นแล้วมาสรุปกันว่าควรกล้องรุ่นไหนดีจริงๆ วิธีการเลือกนั้นต้องดูจากพื้นฐานก่อน เช่น ราคางบประมาณ จุดประสงค์ที่จะใช้เช่น ถ่ายเล่นขำๆ หรือถ่ายงานจริงจัง ตรงนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยตัดสินใจซื้อได้